เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ นางธัญวรัตน์ สุภาวัฒนพันธ์

เรื่องที่ 1

ชื่อเรื่อง      การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง

                   การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3               

ผู้วิจัย         นางธัญวรัตน์ สุภาวัฒนพันธ์ ตำแหน่ง วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

                 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น

ปีที่พิมพ์     2561

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะ    การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3   ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ   1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาการจัดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และ   การเขียนภาษาอังกฤษ 2) สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และ  การเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัด   การเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ   สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/6   จำนวน 32 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก สำนักการศึกษา  เทศบาลนครขอนแก่น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ แผนการจัดการเรียนรู้   จำนวน 10 แผน แบบวัดเจตคติของนักเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการวิเคราะห์เอกสาร สัมภาษณ์ครูผู้สอน ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้  และประเมินเจตคติของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน   และทดสอบค่า t

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาการจัดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการฟัง      การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ พบว่า นักเรียนไม่กล้าแสดงออก และขาดความมั่นใจ  ในการเรียนภาษาอังกฤษ และมีการฝึกทักษะไม่ครบทุกด้าน ครูเน้นการให้นักเรียนท่องคำศัพท์      เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ปฏิบัติน้อย หลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้ของไวกอทสกี ที่มีหลักการพื้นฐานคือ 1) ผู้เรียนเป็นผู้ที่ลงมือกระทำ (Active) และจะต้องมีส่วนในการเรียนรู้ 2) การเรียนรู้ทุกชนิดเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ถือว่าสังคม  เป็นแหล่งสำคัญของการเรียนรู้ และพัฒนาเชาวน์ปัญญา 3) ผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ได้ดีและมากขึ้น ถ้าหากมีคนช่วย 4) ผู้เรียนทุกคนมี “The  Zone  of  Proximal  Development” หรือขอบเขตบริเวณความใกล้เคียงพัฒนาเชาวน์ปัญญาของผู้เรียน 5) การพูดอย่างรู้คิดภายในหรือการคิดในใจ (Inner  Speech) มีความสำคัญในการเรียนรู้

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด  การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1) ขั้นร่วมคิดค้นหา (Think) 2) ขั้นให้ความรู้ (Educate) 3) ขั้นลงมือทำกิจกรรม (Activity) 4) ขั้นนำเสนอ (Present) และ 5) ขั้นสรุป (Conclusion) หรือเรียกว่า  TEAPC Model และผลการประเมินความถูกต้อง ครอบคลุม ความเหมาะสม ความเป็นไปได้   และมีประโยชน์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน

3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด  การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82.31/83.59 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน   สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีเจตคติต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎี ไวกอทสกี เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ โดยรวมอยู่ใน     ระดับมาก


เรื่องที่ 2

ชื่อเรื่อง     การจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกม ตามทฤษฎีพหุปัญญา

                  สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก                 

ผู้วิจัย        นางธัญวรัตน์ สุภาวัฒนพันธ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

                 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น

ปีที่พิมพ์    2562

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกม ตามทฤษฎี   พหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกมตามทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียน   ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) หาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกมตามทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3   และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกมตามทฤษฎีพหุปัญญา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/6 จำนวน 32 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ เก็บรวบรวบข้อมูลโดย ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัย พบว่า

1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกม  ตามทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 82.95/84.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80

2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการ  ใช้เกม ตามทฤษฎีพหุปัญญา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.7560 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เท่ากับ 0.7560 หรือคิดเป็นร้อยละ 75.60

3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยการใช้เกม ตามทฤษฎีพหุปัญญา มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก

Leave a Comment

Your email address will not be published.